วันอังคารที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

วิวาทะอุปนายก-รองอุปนายก อมธ.: ความเห็นส่วนตัว-ในนามองค์กร?

   

วิวาทะอุปนายก-รองอุปนายก อมธ.: ความเห็นส่วนตัว-ในนามองค์กร?

อธิการบดี มธ.โพสต์ จม.จาก "อมธ." เสนอทำประชามติห้ามใช้พื้นที่ มธ.เคลื่อนไหวการเมืองและม. 112 ด้านอุปนายกฯ โพสต์แจงเป็นความเห็นส่วนตัวของรองอุปนายกฯ แต่ใช้หัวกระดาษองค์กร

(7 ก.พ.55) เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ในเฟซบุ๊กส่วนตัวของสมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) มีการโพสต์ภาพจดหมายซึ่งใช้หัวกระดาษขององค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (อมธ.) ลงชื่อโดยภาณุพงศ์ รอดทอง รองอุปนายก อมธ. เรื่อง "เสนอให้ลงมติโดยนักศึกษาในการใช้พื้นที่เคลื่อนไหวทางการเมืองและเรื่องมาตรา 112" โดยสมคิดระบุว่า "เช้านี้ได้รับหนังสือจากรองอุปนายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แสดงความเห็นว่านศ.ส่วนใหญ่ในมธ.เห็นด้วยกับท่าทีของมหาลัย"


ภาพจดหมายที่ถูกโพสต์ในวอลล์ของสมคิด

เนื้อหาในจดหมายดังกล่าว ลงวันที่ 6 ก.พ.55 ระบุว่า "เนื่องด้วยองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) มีความประสงค์ที่จะแสดงให้คนภายนอกเห็นถึงความมีเสรีภาพและเพื่อลดแรงกดดันต่อคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัย ทางองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) จึงมีความคิดเห็นว่าให้จัดการลงมติโดยนักศึกษาเพื่อแสดงจุดยืนให้คนภายนอกทราบว่าไม่เพียงแต่คณะผู้บริหารที่มีมติเพื่อป้องกันเหตุรุณแรงที่จะเกิดขึ้น ทั้งนักศึกษาส่วนใหญ่ก็เห็นด้วยเนื่องจากพื้นที่การศึกษานี้คนที่ได้รับผลกระทบโดยตรงคือนักศึกษา ในเมื่อเรามี กกต.ที่สามารถดำเนินการได้ทันที องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) มีความเป็นห่วงอย่างยิ่งในการใช้พื้นที่มหาวิทยาลัยเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ ทั้งไม่มีผลประโยชน์และพวกที่มีผลประโยชน์แอบแฝง จึงเรียนมาเพื่อขอความอนุเคราะห์ไตร่ตรองขอเสนอ"

ทั้งนี้ ท้ายจดหมายฉบับดังกล่าว สมคิดเขียนด้วยลายมือว่า "การลงมติโดย นศ.เห็นว่าทำได้ และผมใคร่ขอให้ นศ.เป็นผู้ดำเนินการครับ" ลงวันที่เดียวกัน

จากนั้น รักษ์ชาติ์ วงศ์อธิชาติ อุปนายก อมธ. แสดงความเห็นต่อโพสต์ดังกล่าวว่า "จดหมายดังกล่าวเป็นการแอบอ้างใช้กระดาษหัวองค์การของราชการ และไม่ใช่มติขององค์การนักศึกษา" แต่ต่อมาข้อความดังกล่าวถูกลบไป จึงเขียนชี้แจงอีกครั้งในเฟซบุ๊กของตนเอง มีใจความว่า "ผมขอชี้แจงอีกรอบ ว่าจากจดหมายที่ท่านอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เอามาลงนั้น เกิดจากความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนเพียงผู้เดียว ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับทางองค์การมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่ผู้เขียนนำหัวกระดาษมาเขียนเพื่อเป็นเอกสารทางการ

"การกล่าวอ้างว่า"นักศึกษาส่วนใหญ่ก็เห็นด้วย" นั้นไม่มีมูลความจริงแต่อย่างใด น่าจะเกิดจากความเห็นส่วนตัว เพราะไม่มีการลงมติใดๆจากนักศึกษาเลย

"ผมได้ทำการชี้แจงลงบนหน้าวอลล์โพสต์ของท่านอธิการบดีสมคิด ก็กลับถูกลบไปอย่างรวดเร็ว (ตอนนี้ไปเขียนเพิ่มอีกนิดแล้ว ไม่รู้ว่าจะโดนลบอีกเมื่อไร) ผมจึงอยากชี้แจงในวอลล์ตนเองอีกครั้ง

"ผมเชื่อว่าองค์การนักศึกษายังคงยืนยันแถลงการณ์เดิมเพื่อให้ฝ่ายบริหารของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ทบทวนมติที่ออกไป และยังไม่มีแถลงการณ์อื่นใดต่อจากนั้น

"นี่คือการกระทำที่แอบอ้าง โดยการใช้ชื่อองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อทำให้เกิดการเข้าใจผิด บิดเบือน เป็นความจงใจกลั่นแกล้งทางการเมืองที่ไร้ซึ่งศักดิ์ศรีท่ามกลางช่วงเวลาที่ทุกฝ่ายควรใช้เหตุผลในการหาทางออก มิใช่การแอบอ้างเพื่อสร้างความเข้าใจผิดและความแตกแยกต่อองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์"

ต่อมา ภาณุพงศ์ รอดทอง แสดงความเห็นในโพสต์เดียวกันของสมคิด ชี้แจงเพิ่มเติมว่า "สมาชิก อมธ.ท่าพระจันทร์ จากกหนังสือที่ส่งไปเป็นการประชุมและลงความเห็นอย่างถูกต้องตามกระบวนการโดยมีฝ่ายต่างๆ ไม่ได้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวแต่อย่างใด พวกเราหวังเพียงหากพวกท่านมั่นในหลักการประชาธิปไตยที่หลายๆท่านเรียกร้อง เราเสนอให้ลงมติเพื่อจะลดความขัดแย้งที่เกิดขึ้น เพราะไม่เช่นนั้นทุกคนก้อ้างไปอ้างมา อยู่เช่นนี้ บางท่านไปออกทีวีขึ้นว่า ตัวแทนนักศึกษาธรรมศาสตร์ ทั้งที่จริงสิ่งเหมาะสมที่สุด คือนายก อมธ. เพราะมาจากการเลือกตั้ง นั่นไม่ใช่เสียงทั้งหมดแต่ก็มาจากกระบวนการประชาธิปไตย ใช่ไหมครับ มีคนบอกว่า เรียนแล้วไม่คิดเสียเวลา คิดโดยไม่ได้เรียน อันตราย สิทธินั้นคู่กับเสรีภาพแต่อีกอย่างคือไม่ละเมิดสิทธิคนอื่น? ด้วยความเคารพทุกท่าน"

ล่าสุด รักษ์ชาติ์เขียนถามถึงกระบวนการลงมติดังกล่าวในวอลล์ของตนเอง เนื่องจากตนเองไม่เคยรับทราบการประชุม พร้อมโต้ว่า ที่รองอุปนายกฯ ระบุว่าตัวแทนนักศึกษาต้องเป็นนายกซึ่งมาจากการเลือกตั้งนั้น เขาบอกว่าตนเองก็มาจากการเลือกตั้งเช่นกัน ขณะที่ตำแหน่งรองนายกมาจากการแต่งตั้ง ซึ่งหากจะอ้างความชอบธรรมว่าตัวแทนที่มาจากการเลือกตั้งควรจะเป็นตัวแทนนักศึกษา เช่นนั้นแล้ว รองอุปนายกมีความชอบธรรมใดในการออกมติ ส่วนกรณีที่มีการระบุว่า เขาออกสื่อโดยใช้ชื่อว่าตัวแทนนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นั้น ชี้แจงว่าได้บอกทุกรายการที่ไปออกว่าเขาพูดในนามส่วนตัว ไม่ได้เกี่ยวกับ อมธ.แต่อย่างใด
 





1. สมกับเป็น อาจารย์และนักศึกษา กันจริงๆ

เป็นปรากฎการณ์แบบใหม่ ที่ไม่เคยได้สัมผัส เมื่อเรียนที่ มธ ท่าพระจันทร์ ปี 2525
แค่เพื่อแสดงให้คนภายนอกเห็นว่า มธ มีเสรีภาพ
สร้างภาพรึคะน้อง น่าที่จะเป็นว่า
> เพื่อแสดงจุดยืนของ ชาว มธ ใน สิทธิ เสรีภาพ และ ภราดรภาพ
ในการแสดงออกอย่างไม่ผิดกฎหมาย ด้วยปรัชญาของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง
เพื่อเป็นแหล่งความรู้ของผู้คนทุกชนชั้น การเปิดพื้นที่ของมหาวิทยาลัย จึงเป็นความเหมาะสม
ด้วยประการทั้งปวง

นอกไปจากนี้ นศ ไม่เคยกลัวผลกระทบใดใด ไม่ว่า ความกดดันของผู้บริหาร อ่อนแอ
หรือความปลอดภัยของ นศ เพราะเราเคยร่วมตายกับประชาชนมาแล้ว และถ้านำเหตุการณ์
ไม่รอด ก็คงนำพาประเทศชาติไม่รอดแน่ๆ น้องเอ๋ย

ทำไม ธรรมศาสตร์ รุ่นนี้ ถึงได้ป้อแป้ ไม่มีพลัง เอาตัวไม่รอด เช่นนี้
ขอถามไปถึง คุณหญิง นงเยาว์ ชัยเสรี

2. เสรีภาพทุกตารางนิ้ว...คำว่าเสรีภาพ...มันตรงข้ามกับคำว่าเผด็จการ..การห้ามกิจกรรมทางเสรีภาพ...ก็คือเผด็จการ....เสียงข้างมากไม่ควรจะเป็นแบบหมาหมู่...พวกมากว่าบังคับเอาทรัพย์สินแห่งปัญญา..ทรัพย์สินแห่งเสรีภาพ...

พวกคุณเป็นปัญญาชนนักคิด...นักพูด..นักถกเถียง...ต้องดีเบต...ต้องพูด...ต้องแสดงออก...นี่ยังไม่ทันได้ทำอะไร..ก็จำกัดเสรีภาพกันแล้ว...จะชกต๋อยกันแล้ว..จะใช้ความรุนแรงไส่กันแล้ว..จะเรียกปัญญาชนได้ยังไง...

ใครใช้ความรุนแรง...คนนั้นรับผิดชอบตัวเอง...ใครใช้ความรุนแรงหรือข่มขู่คุกคามความปลอดภัยผู้อื่น...ต้องไห้ออกจากมหาลัยไปเลย...ห้ามไห้เข้ามาเด็ดขาด...

การใช้เสียงมากเขาทำกันอย่างสร้างสรรณ์...ไม่ละเมิดสิทธิส่วนตัวผู้อื่น..ไม่ละเมิดศีละธรรม...หรือใช้เสียงข้างมากไปทำร้ายสุจริตชน...

ขอไห้แยกไห้เป็น....อันไหนหมาหมู่....อันไหนเสียงข้างมาก...

อันไหนมันแปลว่าโสโครก...อันไหนคือความสวยงาม....

การห้ามเสรีภาพคือความโสโครก...การได้แสดงสิทธิเสรีภาพคือความสวยงาม...

3. ความเป็นธรรมศาสตร์มันได้ถูกทำลายไปแล้วตั้งแต่มหาลัยถูกชนชั้นนำครอบงำ และผู้บริหาร
ยอมจำนนต่ออำนาจนอกระบอบประชาธิปไตย
ขอร้องเถอะชาวธรรมศาสตร์หยุดแอบอ้างคุุณธรรมของอาจารย์ปรีดี และปรัชญาประชาธิปไตยของคณะราษฎรเสียทีในเมื่อพวกท่านไม่ได้มีความคิดแบบนั้นอีกแล้วในยุคนี้
พูดกับสังคมไปเลยตรงๆ ดีกว่าว่าท่านคือองค์กรหนึ่งที่มุ่งแสวงหากำไรจากการขายสินค้าที่เรียกว่า"การศึกษา" และ "ปริญญาบัตร"
ตอนนี้ขอเปลี่ยนใจสนับสนุนให้มหาลัยออกนอกระบบไปซะ จะได้ไม่เอาภาษีประชาชนมาอุดหนุนมหาลัยเหล่านี้อีกต่อไป
ลาก่อนจิตวิญญาณธรรมศาสตร์

4. ใช้ยุทธวิธียุให้แตก แล้วดักตี โดยทำลายความน่าเชื่อถือของ อมธ. จากคนภายใน อมธ. เอง ทำให้สังคมและคนทั่วไปที่เสพสื่อ (ยุคบอกแต่สิ่งที่อยากบอก) สับสนว่า สรุปว่าที่ อมธ. ออกมาประกาศคัดค้านแนวทางของท่านอธิการนั้น มันใช่มติที่ประชุมของ อมธ. หรือไม่ แถมให้อุปนายก กับ รองอุปนายก มีวิวาทะกัน เพื่่อเสริมสร้างความสับสน ทำให้ น.ศ. แตกแยกกันระหว่างกลุ่มทีี่สนับสนุนอุปนายก และกลุ่มที่สนับสนุนรองอุปนายก แค่นี้ อมธ. ก้หมดความหมาย ขาดเอกภาพ จะออกมาค้านอะไร แสดงความคิดเห็นอะไร ก้จะไม่แข็งแรงพอเหมือนเก่า ฮึฮึฮึ แผนร้ายกาจ แต่โหดเหี้ยมกับ น.ศ. ยิ่งนัก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น