วันอังคารที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

สถานที่สำคัญของบางกอกน้อย

สถานที่สำคัญของบางกอกน้อย

บางกอกน้อยเป็นชุมชนวัฒนธรรมที่มีความสืบเนื่องกันมาเป็นเวลานาน จึงเป็นอีกย่านหนึ่งของกรุงเทพ ที่ครบถ้วนไปด้วยสถานที่สำคัญด้านประวัติศาสตร์ วิถีชีวิต และผลงานศิลปกรรมอันล้ำค่า ที่สมควรอนุรักษ์ไว้มิให้สูญหาย

สถานีรถไฟบางกอกน้อย

สถานีรถไฟบางกอกน้อยหรือสถานีรถไฟธนบุรี สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2442 บนพื้นที่ที่เป็นของชาวมุสลิม โดยโปรดเกล้าฯให้อพยพชาวมุสลิมไปอยู่ฝั่งตรงข้ามแทน ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นใช้เส้นทางเดินรถสายนี้ลำเลียงสรรพาวุธและเสบียง ไปยังกาญจนบุรี โดยมีสถานีรถไฟบางกอกน้อยเป็นจุดขนถ่ายสำคัญ จึงเป็นเป้าหมายในการโจมตีทางอากาศจากฝ่ายสัมพันธมิตรจนเสียหาย จนมาเมื่อ พ.ศ.2493 รัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม จึงได้สร้างอาคารขึ้นมาใหม่


 

โรงพยาบาลศิริราช

โรงพยาบาลศิริราชเป็นโรงพยาบาลหลวงและสถาบันผลิตแพทย์แห่งแรกของประเทศ ที่รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อรักษาประชาชนทั่วไปด้วยวิธีการแพทย์สมัยใหม่ โดยพระราชทานทุนส่วนพระองค์เป็นปฐมในการสร้าง 200 ชั่ง บนบริเวณที่เคยเป็นวังหลัง จึงมักเรียกกันว่า " โรงพยาบาลวังหลัง " เปิดทำการเมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2431 ส่วนชื่อศิริราชเป็นชื่อพระราชทานเนื่องจาก สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณท์ พระราชโอรส ประชวรและสิ้นพระชนม์ด้วยโรคบิด พระองค์จึงพระราชทานไม้ที่ใช้ในงานพระเมรุมาปลูกเป็นเรือนพยาบาล พร้อมกับพระราชทานนามเพื่อเป็นอนุสรณ์ถึงพระราชโอรส ภายในโรงพยาบาลมีพิพิธภัณฑ์ถึง 10 แห่ง ได้แก่ พิพิธภัณฑ์และห้องปฏิบัติการเรื่องก่อนประวัติศาสตร์-สุด แสงวิเชียร พิพิธภัณฑ์กายวิภาคคองดอน และพิพิธภัณฑ์การแพทย์แผนไทย อวย เกตุสิงห์ ฯลฯ


 

กรมอู่ทหารเรือ

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิด " อู่หลวง " เมื่อวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2433 ณ บริเวณด้านใต้ของวัดระฆัง ถือเป็นจุดเริ่มต้นของกรมอู่ทหารเรือ จนพัฒนามาเป็นกรมอู่ทหารเรือเมื่อกรุงเทพฯขยายตัวขึ้นมีสะพานในแม่น้ำเจ้าพระยามากขึ้นจนไม่สะดวก ที่เรือใหญ่จะแล่นเข้ามายังกรมอู่ที่ฝั่งธนบุรี กองทัพเรือจึงย้ายไปตั้งอู่เรือใหม่ที่ อู่ทหารเรือพระจุลจอมเกล้า บริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้า จังหวัดสมุทรปราการแทน


 

พิพิธภัณฑ์เรือพระราชพิธี

ตั้งอยู่ปากคลองบางกอกน้อยเป็นที่เก็บเรือพระราชพิธีส่วนหนึ่งที่ใช้ในกระบวนพยุหยาตราทางชลมารค เรือพระที่นั่งสำคัญที่จัดแสดงเช่น เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณในรัชกาลที่ 9 เรือพระที่นั่งอนันตนาคราชเรือพระที่นั่งอเนกชาติ ภุชงค์ เรือกระบี่ปราบเมืองมาร ซึ่งได้รับการเก็บรักษาและดูแลอย่างดี


 

วัดระฆังโฆสิตาราม

เป็นวัดโบราณมีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา มีโบราณสถานที่สำคัญ คือ หอพระไตรปิฎก เป็นเรือนไม้ทรงไทย เดิมเป็นพระตำหนักของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ตั้งแต่ยังทรงรับราชการอยู่ในกรุงธนบุรี และ ตำหนักทอง พระบาทสมเด็จ
พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงรื้อตำหนักที่ประทับพระเจ้าตากสินในวังเดิมมาถวายเป็นที่ประทับสมเด็จพระสังฆราช (สี) 
นอกจากนี้ยังมี ตำหนักแดง พระประธานยิ้มรับฟ้า พระวิหารสมเด็จพระสังฆราช ( สี ) พระวิหารสมเด็จ 
พระปรางค์ใหญ่


 

พระมณฑปพระพุทธบาทจำลอง วัดอมรินทราราม

เคยได้ชื่อว่าเป็นมณฑปที่จัดว่าสวยงามที่สุดในสยาม ประดิษฐาน พระพุทธฉายจำลอง คู่กันไว้ โดยเป็นคติจำลองการไปนมัสการรอยพระพุทธบาทที่จังหวัดสระบุรี วิหารหลวงพ่อโบสถ์น้อย เป็นที่นับถือของชาวบางกอกน้อยและประชาชนทั่วไปมานาน เมื่อครั้งที่เครื่องบินสัมพันธมิตรมาทิ้งระเบิดในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ บริเวณรอบวัดต่างได้รับความเสียหายจากการทิ้งระเบิดครั้งนี้อย่างหนัก แต่วิหารหลวงพ่อโบสถ์น้อยกลับไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นเพราะปาฏิหารย์ของหลวงพ่อพระประธานในวิหาร


 

วัดพระยาทำ

มี ธรรมมาสสมัยอยุธยา เป็นธรรมมาสไม้ทั้งหลังชนิดย่อไม้สิบสอง มีบันไดนาคเป็นทางขึ้น ยอดเป็นทรงมณฑป ส่วนที่พระอุโบสถมีลักษณะหย่อนท้องสำเภา แบบศิลปะอยุธยา หน้าบันรูปพระนารายณ์ทรงช้างเอราวัณ แกะสลักด้วยไม้ ฝีมืองามมาก นอกจากนี้ยังมี เจดีย์ยักษ์ หรือ กุฎยักษ์ ทั้งสวยงามและแปลกมีลักษณะคือ " ยักษ์สี่ตน คนดำดิน ครุฑจับนาคินทร์ คชสารครึ่งตัว "


 

วัดสุวรรณาราม

ราชวรวิหาร เดิมเป็นวัดร้างที่รัชกาลที่ 1 ทรงปฏิสังขรณ์ขึ้น สิ่งสำคัญภายในวัดคือ พระอุโบสถเสาย่อมุมไม้สิบสอง
ประดิษฐานพระประธานปางมารวิชัยที่งดงาม ภายในอุโบสถมี ภาพจิตรกรรมฝาผนัง ที่เขียนขึ้นโดยสุดยอดจิตรกรเอกสองท่านในสมัยรัชกาลที่ 3 คือหลวงวิจิตรเจษฎา (ครูทองอยู่) และหลวงเสนีย์บริรักษ์ (ครูคงแป๊ะ)


 

หีบพระไตรปิฏกลายรดน้ำ วัดศรีสุดาราม

เป็นภาพสัตว์หิมพานต์ คชสีห์ ราชสีห์ กิเลน อยู่บนลายกระหนกเปลว และลายผักกูด มีฝีมือสะบัดพลิ้ว มีชีวิตชีวา ทวารบาลแบบจีน ( เซี่ยวกาง ) บนศาลาการเปรียญ มีความสวยงามน่าชม ภายในวัดยังมี กุฎีทรงปั้นหยาสีเหลือง รูปปั้นสมเด็จโตขนาดใหญ่ ศาลาเจ้าแม่กวนอิม รูปปั้นสุนทรภู่ หอสมุดวรรณกรรมสุนทรภู่


 http://203.155.220.217/localmuseum/website/05/travel.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น