วันเสาร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2555

ฟังพร้อมกัน"รมว.คมนาคม"จุดพลุ! รถไฟความเร็วสูง 4 แสนล้าน เริ่มเส้นไหนก่อน อีก 3 เดือนเห็นรูปธรรม

 

ฟังพร้อมกัน"รมว.คมนาคม"จุดพลุ! 

รถไฟความเร็วสูง 4 แสนล้าน เริ่มเส้นไหนก่อน อีก 3 เดือนเห็นรูปธรรม

วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2555 เวลา 01:09:27 น.

Share 




 

นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานสัมมนาและปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "ทิศทางการคมนาคมไทยจะเป็นอย่างไรเมื่อเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน" จัดโดยวิทยาลัยโลจิสติกส์และโซ่อุทานมหาวิทยาลัยนเรศวร และกรมการขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ทั้งยังมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาการคมนาคมสี่แยกอินโดจีนพัฒนาระบบการขนส่งให้มีประสิทธิภาพ ตามโครงข่ายการขนส่งทางถนน ทางรางทางน้ำ และทางอากาศ เชื่อมภูมิภาคของประเทศ รองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ซึ่งมีอธิการบดี ม.นเรศวร กลุ่มหอการค้า นักธุรกิจภาคการขนส่งและผู้บริหารกรมทางหลวง ตอนรับ ที่อาคารเอกาทศรถ มหาวิทยาลัยนเรศวร จ.พิษณุโลก และให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน เมื่อวันที่ 27 เมษายน มีประเด็นสำคัญดังนี้

 

 

                                     จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.คมนาคม (คนกลาง)

 

 

พื้นฐานโลจิสติกส์ในภูมิภาคนี้ ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางโดยธรรมชาติหากมองแนวตะวันตก ตะวันออก จังหวัดพิษณุโลกก็เป็นศูนย์กลางตนไปพม่ากับนายกรัฐมนตรีที่สหภาพพม่าเมื่อ 2 เดือนก่อน ล่าสุดไม่นานมานี้รัฐมนตรีของรัฐบาลพม่าเดินทางมาติดตามเพื่อพัฒนาเส้นทางบกกับประเทศไทยเน้นไปถนนสู่ทะเลฝั่งอันดามัน เบื้องต้นแบ่งออกเป็นเส้นทางหลัก คือแม่สอด-เมียวดี-เมาะละแม่ง (ท่าเทียบเรือ) ซึ่งเส้นหลักนี้พิษณุโลกได้เปรียบความเป็นศูนย์กลาง เพราะหากย้อนไปอดีตเมื่อ 700 ปีสมัยพ่อขุนราม จ.สุโขทัยก็เป็นเมืองแลกเปลี่ยนสินค้า ใครใคร่ ค้าค้า

 

 

แต่วันนี้ต้องยอมรับศูนย์กลางการค้าที่จังหวัดพิษณุโลกแทนเส้นทางรองลงมาคือ ด่านเจดีย์สามองค์ จ.กาญจนบุรีเพราะเมื่อย้อนไปอดีตจักรพรรดิญี่ปุ่นก็เล็งการตัดเชื่อมถนนระหว่างทะเลอันดามันกับอ่าวไทย ครั้งนี้เคยเกณฑ์คนไปทำถนยจังหวัดกาญจนบุรี แต่สงครามเลิกเสียก่อนแต่เชื่อว่า ยุทธศาสตร์เส้นทางด่านเจดีย์สามองค์นั้นสำคัญเพราะเชื่อมเมืองหลักทั้ง 3 ประเทศ ส่วนเส้นทางที่เหลืออีกก็เป็นเส้นทางเชื่อมระหว่างพม่ากับไทย ถัดลงมาจากด่านเจดีย์สามองค์เป็นการตัดเส้นทางเชื่อม 2 ทะเล ของประเทศไทยและพม่า

 

 

ผมและนายกรัฐมนตรีก็ยังเดินทางไปประเทศจีนเมื่อวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมาทราบว่า ประเทศจีนมีเส้นทางรถไฟทั้งหมด 25-26 เส้นทาง ระยะหมื่นกิโลเมตรและยังมีแผนตัดเส้นทางรถไฟความเร็วสูงต่อถึงทิเบต บอกได้เลยว่าจีนพัฒนาระบบรางความเร็วสูงไวมาก สหรัฐอเมริกาพัฒนาไม่ทัน ถามว่าถ้าประเทศไทยไม่ทำระบบราง แล้วจะเป็นศูนย์กลางประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) ได้อย่างไร

 

 

อย่าลืมว่า สปป.ลาวไปเซ็นความร่วมกับกับประเทศจีนกรณีรถไฟความเร็วสูงเมื่อ 2 ปีก่อนแต่ประเทศไทยเพิ่งไปเซ็นความร่วมมือไทย-จีน เมื่อเร็วๆ นี้ถ้าประเทศไทยสามารถริเริ่มรถไฟความเร็วสูงได้ก่อน ก็จะถือว่าเป็นประเทศแรกในอาเชียน

 

เส้นทางรถไฟความเร็วสูง แห่งแรกคือ กรุงเทพ-พิษณุโลกพัฒนาต่อขึ้นเหนือไปเชียงใหม่ และเส้นทางกรุงเทพ-โคราชพัฒนาต่อไปยังหนองคายการลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือ(MOU)ผลักดันให้โครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2555 ระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีน ระบุ ไว้ว่าภายใน 1 เดือนทั้ง 2ประเทศ จะแต่งตั้งรัฐมนตรีทั้งสองประเทศมา 1 คนเพื่อเจรจา ในระยะ 3 เดือนโครงร่างของไฮสปีดเทรนจะต้องเป็นรูปธรรม

 

จากนั้นทั้งสองประเทศจะมาทำเรื่องการออกแบบในส่วนประเทศไทย จะต้องตั้งคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมเพื่อผ่าน พรบ. มาตรา61(2) และพรบ.ชุมชน เนื่องจากโครงการดังกล่าวเกินพันล้านบาทขึ้นไป จากนั้นค่อยมาทำแนวเวนคืนที่ดิน คาดว่าจะเริ่มได้ในปี 2556 ดังนั้นในปี 2555 จะเร่งรัดรถไฟสายสีแดง ปรับปรุงสถานีรถไฟบางซื่อให้ทันสมัยวงเงิน 2 พันล้านบาท

 

สำหรับการพัฒนาถนนโครงข่ายการขนส่งทางถนนก็เตรียมพัฒนาถนนรอบเมืองพิษณุโลก 4 ทิศทางและล่าสุดได้อนุมัติงบก่อสร้างถนนเลี่ยงเมืองด้านตอนใต้ส่วนเส้นทางบก เมื่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขง ที่เชียงของสำเร็จก็จะเป็นเส้นทางขนถ่ายสินค้าจากจีนลงมาตอนล่างผ่านจังหวัดเชียงรายและผ่านพิษณุโลก นอกจากนี้ยังมีพัฒนาท่าเรือเชียงแสน รองรับคมนาคมทางน้ำ อีก 1 เส้นทาง

 

 

โครงการไฮสปีดเทรนเป็นโครงการขนาดใหญ่มูลค่า 4 แสนล้านบาทกรณีที่นายกรัฐมนตรีไปเซ็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและจีนแล้วต้องดำเนินต่อ 

ผ่านครม.อีกหลายรอบ จะแบ่งเป็น 4 สายใหม่สายเหนือจากกรุงเทพฯถึงพิษณุโลก- พัฒนาต่อไปยังจังหวัดเชียงใหม่สายตะวันออกเฉียงเหนือ กรุงเทพ ถึงนครราชสีมา พัฒนาต่อไปจังหวัดหนองคายและสายใต้ กรุงเทพ หัวหิน และเส้นทางกรุงเทพ-แอร์พอร์ตลิงก์-สุวรรณภูมิซึ่งใช้รถไฟความเร็วเพียง 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่หากเป็นเส้นทางไปพิษณุโลก, โคราช และหัวหิน รถไฟจะใช้ความเร็วถึง 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

 

 

ส่วนคำถามที่ว่าจะเลือกเส้นทางใดก่อน ระหว่างพิษณุโลก หรือ โคราชรัฐมนตรีคมนาคมบอกว่า ไม่ต้องแย่งกัน จะสร้างพร้อมๆ กัน ในระยะอีก 3-6 เดือนข้างหน้าจะเห็นแบบ และกรอบงบประมาณ ผู้ก่อสร้าง ระเบียบต่างๆ เพราะต้องมีฝ่ายเทคนิค, วิศวกรออกแบบ, การลงทุน การเงิน, การเดินรถและการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ บริเวณเส้นทางรถไฟเนื่องจากมูลค่าก่อสร้างไฮสปีดเทรนสูงถึง 4 แสนล้านบาทจะต้องมีการพัฒนาที่ดิน ที่พัก ควบคู่ไปด้วยถึงจะพอคุ้มค่ากับการลงทุนแถมยังต้องมีการเรียกเก็บภาษีต่างๆ จากประชาชนอีกด้วย

 

 

ส่วนคำถามที่ว่า แนวทางพัฒนาโครงข่ายถนนสี่แยกอินโดจีนจะเป็นอย่างไรต่อไปนั้น ถนนเชื่อมตามสี่แยกอินโดจีนขยายเป็น 4 เลนไม่ครบ ทำได้ยังไม่ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ส่วนแนวทางขยายถนนจะไม่ขยายถนนเป็น 4 เลนตลอดทั้งสาย แต่จะขยายถนนเป็น 4 เลนเฉพาะที่ผ่านชุมชนเมืองเท่านั้น จากนั้นถนน 4 เลนเชื่อมต่อครบไปเองเพราะงบประมาณก่อสร้างถนนสูงมาก


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1335611303&grpid=03&catid=05&subcatid=0500

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น