กสทช.บี้ยกเลิกวันหมดอายุระบบเติมเงิน คาด 30 วันรู้ผล
กสทช. เอาใจผู้ใช้มือถือแบบบัตรเติมเงิน ลุยบีบค่ายมือถือเคาะยกเลิกวันหมดอายุ คาด 30 วันรู้ผล พร้อมบี้ให้ลงทะเบียนผู้ใช้มือถือ ผ่านเลขบัตรประชาชน...
พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) เปิดเผยว่า ได้หารือร่วมกับผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ 5 ราย และตัวแทนผู้บริโภค เมื่อวันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา เพื่อรักษาสิทธิ์และอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ ในประเด็นดังนี้ การให้บริการคงสิทธิเลขหมาย หรือการโอนย้ายค่ายมือถือแต่เลขหมายเดิม การกำหนดวันหมดอายุของบัตรเติมเงิน (พรีเพด) และการจัดเก็บข้อมูลของผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือระบบบัตรเติมเงิน (พรีเพด) ซึ่งที่ประชุมมีความเห็นร่วมกันว่า ควรจะปรับกฎเกณฑ์เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือ โดยให้ค่ายมือถือส่งข้อมูลต้นทุนกลับมายัง กทค.ภายใน 7 วัน เพื่อนำกลับมาหารือร่วมกันอีกครั้ง
พ.อ.เศรษฐพงค์ กล่าวต่อว่า สำหรับในประเด็นการกำหนดวันหมดอายุบัตรเติมเงินนั้น ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน ซึ่งในระหว่างนี้ ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือแบบบัตรเติมเงิน(พรีเพด) ที่จะหมดอายุการใช้งานภายในสัปดาห์นี้ สามารถใช้งานต่อได้อีก 30 วัน เนื่องจาก กทค. จะต้องนำข้อมูลที่ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือส่งกลับมายัง กทค.เพื่อวิเคราะห์และนำมาแก้ไขประกาศ เรื่องมาตรฐานสัญญาโทรคมนาคม พ.ศ. 2549 ในข้อ 11 การห้ามกำหนดระยะเวลาการใช้บริการโทรคมนาคมแบบบัตรเติมเงิน ซึ่งจะต้องเร่งกำหนดวันเวลาหมดอายุให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน
"ปัจจุบันผู้ใช้โทรศัพท์มือถือแบบบัตรเติมเงิน 63.4 ล้านเลขหมาย จากยอดผู้ใช้โทรศัพท์มือถือทั้งหมด 70 ล้านเลขหมาย สำหรับการให้บริการคงสิทธิเลขหมายนั้น ทางค่ายมือถือแจ้งว่าจะขยายบริการให้เพิ่มมากขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าที่ต้องการโอนย้ายบริการแต่เลขหมายคงเดิม ส่วนการจัดเก็บข้อมูลของผู้ใช้โทรศัพท์มือถือแบบบัตรเติมเงิน (พรีเพด) เนื่องจากปัจจุบันการจัดเก็บข้อมูลผู้ใช้โทรศัพท์มือถือแบบบัตรเติมเงินเป็นไปอย่างหละหลวม เพราะค่ายมือถือก็ต้องอำนวยความสะดวกลูกค้า ขณะที่ลูกค้าก็ต้องการความสะดวกสบาย ขณะที่ภาครัฐต้องการข้อมูลเพื่อความมั่นคงของประเทศ เพราะปัจจุบันมีการใช้โทรศัพท์มือถือในการหลอกลวงประชาชน การใช้ก่ออาชญากรรม ซื้อขายยาเสพติด แต่ไม่สามารถสืบหาต้นตอของเจ้าของโทรศัพท์มือถือได้ ฉะนั้นจึงจำเป็นต้องปรับปรุงระบบการจัดเก็บข้อมูลใหม่ เป็นวิธีการลงทะเบียนผ่านหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลักแทนการจัดเก็บเอกสาร ซึ่งถือว่าเพียงพอต่อการจัดเก็บข้อมูลเพื่อความมั่นคง" พ.อ.เศรษฐพงค์ กล่าว
พ.อ.เศรษฐพงค์ กล่าวต่อว่า กทค.ได้ยุติบทบาทของคณะอนุกรรมกรรม 2 ชุด คือ คณะอนุกรรมการเพื่อศึกษามาตรา 46 และคณะอนุกรรมการปรับปรุงโครงสร้างองค์กร และวางกรอบอัตรากำลังสำนักงาน กสทช. เนื่องจากภารกิจเสร็จสิ้น อีกทั้งเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายของ กสทช.
โดย: ทีมข่าวเศรษฐกิจ
9 กุมภาพันธ์ 2555, 01:34 น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น