วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

กสทช.บี้ยกเลิกวันหมดอายุระบบเติมเงิน คาด 30 วันรู้ผล


 

กสทช.บี้ยกเลิกวันหมดอายุระบบเติมเงิน คาด 30 วันรู้ผล

กสทช. เอาใจผู้ใช้มือถือแบบบัตรเติมเงิน ลุยบีบค่ายมือถือเคาะยกเลิกวันหมดอายุ คาด 30 วันรู้ผล พร้อมบี้ให้ลงทะเบียนผู้ใช้มือถือ ผ่านเลขบัตรประชาชน... 

พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) เปิดเผยว่า ได้หารือร่วมกับผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ 5 ราย และตัวแทนผู้บริโภค เมื่อวันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา เพื่อรักษาสิทธิ์และอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ ในประเด็นดังนี้ การให้บริการคงสิทธิเลขหมาย หรือการโอนย้ายค่ายมือถือแต่เลขหมายเดิม การกำหนดวันหมดอายุของบัตรเติมเงิน (พรีเพด) และการจัดเก็บข้อมูลของผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือระบบบัตรเติมเงิน (พรีเพด) ซึ่งที่ประชุมมีความเห็นร่วมกันว่า ควรจะปรับกฎเกณฑ์เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือ โดยให้ค่ายมือถือส่งข้อมูลต้นทุนกลับมายัง กทค.ภายใน 7 วัน เพื่อนำกลับมาหารือร่วมกันอีกครั้ง 

พ.อ.เศรษฐพงค์ กล่าวต่อว่า สำหรับในประเด็นการกำหนดวันหมดอายุบัตรเติมเงินนั้น ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน ซึ่งในระหว่างนี้ ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือแบบบัตรเติมเงิน(พรีเพด) ที่จะหมดอายุการใช้งานภายในสัปดาห์นี้ สามารถใช้งานต่อได้อีก 30 วัน เนื่องจาก กทค. จะต้องนำข้อมูลที่ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือส่งกลับมายัง กทค.เพื่อวิเคราะห์และนำมาแก้ไขประกาศ เรื่องมาตรฐานสัญญาโทรคมนาคม พ.ศ. 2549 ในข้อ 11 การห้ามกำหนดระยะเวลาการใช้บริการโทรคมนาคมแบบบัตรเติมเงิน ซึ่งจะต้องเร่งกำหนดวันเวลาหมดอายุให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน 

"ปัจจุบันผู้ใช้โทรศัพท์มือถือแบบบัตรเติมเงิน 63.4 ล้านเลขหมาย จากยอดผู้ใช้โทรศัพท์มือถือทั้งหมด 70 ล้านเลขหมาย สำหรับการให้บริการคงสิทธิเลขหมายนั้น ทางค่ายมือถือแจ้งว่าจะขยายบริการให้เพิ่มมากขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าที่ต้องการโอนย้ายบริการแต่เลขหมายคงเดิม ส่วนการจัดเก็บข้อมูลของผู้ใช้โทรศัพท์มือถือแบบบัตรเติมเงิน (พรีเพด) เนื่องจากปัจจุบันการจัดเก็บข้อมูลผู้ใช้โทรศัพท์มือถือแบบบัตรเติมเงินเป็นไปอย่างหละหลวม เพราะค่ายมือถือก็ต้องอำนวยความสะดวกลูกค้า ขณะที่ลูกค้าก็ต้องการความสะดวกสบาย ขณะที่ภาครัฐต้องการข้อมูลเพื่อความมั่นคงของประเทศ เพราะปัจจุบันมีการใช้โทรศัพท์มือถือในการหลอกลวงประชาชน การใช้ก่ออาชญากรรม ซื้อขายยาเสพติด แต่ไม่สามารถสืบหาต้นตอของเจ้าของโทรศัพท์มือถือได้ ฉะนั้นจึงจำเป็นต้องปรับปรุงระบบการจัดเก็บข้อมูลใหม่ เป็นวิธีการลงทะเบียนผ่านหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลักแทนการจัดเก็บเอกสาร ซึ่งถือว่าเพียงพอต่อการจัดเก็บข้อมูลเพื่อความมั่นคง" พ.อ.เศรษฐพงค์ กล่าว 

พ.อ.เศรษฐพงค์ กล่าวต่อว่า กทค.ได้ยุติบทบาทของคณะอนุกรรมกรรม 2 ชุด คือ คณะอนุกรรมการเพื่อศึกษามาตรา 46 และคณะอนุกรรมการปรับปรุงโครงสร้างองค์กร และวางกรอบอัตรากำลังสำนักงาน กสทช. เนื่องจากภารกิจเสร็จสิ้น อีกทั้งเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายของ กสทช.

โดย: ทีมข่าวเศรษฐกิจ

9 กุมภาพันธ์ 2555, 01:34 น.


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น