วันเสาร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

The Beast : อสูรร้ายแห่งทำเนียบขาว

The Beast : อสูรร้ายแห่งทำเนียบขาว

วันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 เวลา 20:04:42 น.

  





cadillac one หรือ The Beast
 


ประธานาธิบดีโอบามาและรองประธานาธิบดีไบเดน นั่งรถประจำตำแหน่งด้วยกัน
 


แผนผังสมรรถนะรถคาดิแลควัน หรือ The Beast
 


กราฟฟิกโครงสร้างตัวถังรถ
 


The Beast ดูกันให้ชัดๆ ด้านหน้า
 


The Beast จะถูกส่งไปกับเครื่องบิน C-17 Globemaster III
 


หน่วยซีไอเอ กับแอร์ ฟอร์ซวันและอสูรร้ายแห่งทำเนียบขาว
 


รถลีมูซีนคาดิลแล็ 1983 ใช้โดยประธานาธิบดี โรนัลด์เรแกน
 


รถลีมูซีนคาดิลแล็ 1993 Fleetwood Brougham ใช้โดยประธานาธิบดีคลินตัน



รถลีมูซีนประธานาธิบดีลินคอล์นปี 1989
 


รถลีมูซีนคาดิลแล็ 2005 ใช้โดยประธานาธิบดีจอร์จดับเบิลยูบุช
 

Delight Moment 65 / สุมิตรา จันทร์เงา

งานข่าวนี่ช่างแปลกเสียจริง ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็แล้วแต่เวลาเขียนถึง ควันหลง มักจะสนุกกว่าการรายงานข่าวเหตุการณ์ที่กำลังเกิดตรงหน้าเสมอ


ฉันชอบเรื่องราวการอารักขาผู้นำประเทศมหาอำนาจที่เพิ่งมาเยือนบ้านเราหยกๆ มันสนุกดี มีสีสัน และเปี่ยมด้วยแรงบันดาลใจให้นักเขียนหยิบเอาไปสร้างเป็นพล็อตนิยายลอบสังหารประธานาธิบดีแบบที่หนังฮอลลีวูดหลายเรื่องทำเงินกันมามากมายแล้ว

 


 การอารักขาที่เข้มข้นซับซ้อนซ่อนเงื่อนของทีมงานรักษาความปลอดภัยประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเป็นเรื่องจริงที่ซ้อนทับอยู่กับจินตนาการสุดแสนบรรเจิด นับตั้งแต่ทีมงานมากความสามารถ ยานพาหนะ อาวุธคุ้มกัน รวมทั้งหน่วยกล้าตายที่พร้อมจะอุทิศชีวิตปกป้องผู้นำสูงสุดของเขาโดยปราศจากเงื่อนไข

 

 


 ผู้นำสหรัฐฯเดินทางมาเยือนไทยหลายหลายหน แต่ละครั้งการรักษาความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญสูงสุด สำคัญเสียยิ่งกว่าประเด็นการเจรจาความเมืองด้วยซ้ำไป


ประธานาธิบดีบารัค โอบามาเดินทางออกนอกประเทศสั้นๆ  คราวนี้เห็นได้ชัดว่าแค่ผ่านมาโชว์ตัวแสดงบารมีที่ยังผงาดง้ำอยู่เหนืออำนาจรัฐในกลุ่มประเทศแถบอุษาคเนย์จุดที่ไม่เป็นปัญหามากนัก ดูไปก็คล้ายมาพักเหนื่อยหลังการเลือกตั้ง    

 


บรรดาเพื่อนนักวิเคราะห์การเมืองระหว่างประเทศของฉันวิจารณ์กันใหญ่ว่า สิ่งที่โอบามาได้มาก ที่สุดจากการเยือนไทยคือภาพข่าว "พระสงฆ์นำชมวัด" แทนคำพูดนับพันคำ สื่อไปยังคนอเมริกันว่านี่คือภารกิจในเอเชียของเขา

 

 


ที่สำคัญวัดที่เลือกนั้นก็หาใช่วัดพระแก้วที่สุดแสนจะอลังการงานสร้างในขนบของวัดหลวงแห่งราชสำนัก แต่กลับเลือก "วัดโพธิ์" ที่สะท้อนอิทธิพลศิลปะจีนเต็มๆ ราวกับต้องการสื่อนัยประหวัดว่านี่คือการออกไป "ยันจีน" ถึงปากประตูมังกรเลยทีเดียวเชียว


....

 

 


แต่เรื่องพวกนี้จะสนุกเท่าการมาถึงของ Air Force One และ Cadillac 1 หรือ The Beast ได้อย่างไรกัน


อันว่า "แอร์ ฟอร์ซ วัน - Air Force One " คือ รหัสที่ศูนย์ควบคุมการจราจรทางอากาศเรียกขานเครื่องบินทุกลำที่มีประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยสารอยู่บนเครื่องบินลำนั้น จนชื่อนี้กลายมาเป็นชื่อเครื่องบินประจำตัวประธานาธิบดีไปแล้ว

 

 

Air Force One ดัดแปลงมาจากเครื่องบินโบอิ้ง 747-200B ปัจจุบันมีใช้อยู่ 2 ลำด้วยกัน คือ รหัสหางเครื่อง 28000 และ 29000 ปกติรองรับผู้โดยสารได้ถึง 300 คน แต่เมื่อเป็นเครื่องบินซูเปอร์วีไอพี ก็เลยทำที่นั่งให้ผู้โดยสารติดตามประธานาธิบดีได้แค่ 70 คนพร้อมลูกเรืออีก 26 คนเท่านั้น

 

เนื้อที่ภายในห้องโดยสารขนาด 4,000 ตารางฟุตของ แอร์ ฟอร์ซ วัน ตกแต่งให้เหมือนกับห้องทำงานที่ทำเนียบขาวเป๊ะ ทั้งห้องประชุม ห้องพยาบาล คลังเก็บอาวุธขนาดย่อม ระบบ ECM แจ้งเตือนภัยจากขีปนาวุธทุกชนิด รวมทั้งเครื่องยิงเป้าลวงแบบชาร์ปและแฟลร์เอาไว้ต่อกรกับจรวดแซม มีโทรศัพท์ภายใน 85 คู่สาย กับอีกหนึ่งฮอตไลน์สายพิเศษสำหรับประธานาธิบดี


ไม่ว่าผู้นำสหรัฐฯจะบินไปไหนด้วยภารกิจแห่งประธานาธิบดี ย่อมไปโดยปีกแห่ง แอร์ ฟอร์ซ วัน เท่านั้น!


...

 

เช่นเดียวกัน การเดินทางในแนวระนาบบนท้องถนน ไม่ว่าจะภายในประเทศหรือต่างประเทศ ยานพาหนะของผู้นำหนึ่งเดียวคนนี้จะเป็นอื่นใดไปไม่ได้นอกจาก Cadillac 1 หรือ The Beast สีดำคันนี้

 


The Beast พวกเขาเรียกขานมันเช่นนั้น ตั้งใจให้เป็น "อสูรร้ายแห่งทำเนียบขาว" ที่เต็มไปด้วยเขี้ยวเล็บ
The Beast เผยโฉมเป็นครั้งแรกในวันที่นายบารัค โอบามา ทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 44 เป็นรถยนต์ประจำตำแหน่งคันใหม่เอี่ยมพร้อมกับประธานาธิบดีผิวดำคนใหม่ของชาวอเมริกัน  
The Beast เป็นผลงานการสร้างสรรค์ของบริษัท เจเนอรัล มอเตอร์ หรือ GM ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา


พวกเขาบอกว่ามันไม่ใช่รถยนต์แต่เป็นประดิษฐกรรมยานยนต์ที่ตั้งใจทำขึ้นด้วยมือทั้งคันให้เป็นรถรับใช้เฉพาะตัวประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาเท่านั้น!


สำหรับรถประจำตำแหน่งคันเก่าที่ปลดระวางไปทาง GM จะเก็บเข้าแสดงในพิพิธภัณฑ์ ไม่มีวันนำออกจำหน่ายเด็ดขาด เหตุผลก็เพราะรถประจำตำแหน่งเป็นงานวิจัยละพัฒนาชิ้นสำคัญของ GM ต้องรักษาความลับในรายละเอียดระบบความปลอดภัยไม่ให้รั่วไหลแพร่งพรายสู่โลกภายนอกและจะไม่ผลิตให้ชาติอื่น

 

 


เจ้าอสูรร้ายตัวนี้มีสมรรถนะสูงส่งเหลือเชื่อ หากดูภาพกราฟฟิกประกอบก็จะเห็นรายละเอียด ดังนี้


เครื่องยนต์ : 6.5 ลิตร diesel engine ระบบห้ามล้อแบบดิสก์ 4 ล้อ คาร์ลิปเปอร์คู่ ช่วยลดความเร็วได้ตามใจสั่ง และมีกล้องมองหลังคอยตวจสอบสถานการณ์ฉุกเฉิน
ความเร็วสูงสุด : 60 ไมล์ต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 8 ไมล์ต่อแกลลอน


ตัวถังรถยนต์ : ความยาว18 ฟุต สูง 5 ฟุต 10 นิ้ว ทำด้วยเหล็กกล้า อลูมีเนียม ไทเทเนียม และเซรามิก เพื่อป้องกันการโจมตีร้ายแรงในระดับขีปนาวุธ


กระจกหน้าบริเวณที่นั่งคนขับ  : เป็นกระจกกันกระสุนหนาถึง 5 นิ้วสามารถต้านทานแรงกระสุนเจาะเกราะทุกชนิด มีช่องให้เปิดได้แค่รูเล็กๆเพียงสามนิ้วเท่านั้นในกรณีที่ต้องสื่อสารกับตำรวจลับด้วยกัน    


โชเฟอร์  : ทุกคนที่มาปฏิบัติหน้าที่ตรงนี้ล้วนผ่านการฝึกเป็น CIA มาอย่างเข้มข้น มีความสามารถพร้อมเผชิญภัยร้ายแรงและเชี่ยวชาญการขับขี่หลบหนีอันตรายได้ทุกสถานการณ์


ที่นั่งคนขับ  :  มีพวงมาลัยได้มาตรฐานพร้อมแผงวงจรไฮเทคควบคุมการสื่อสารและระบบนำร่องด้วย GPS  ระหว่างห้องโดยสารด้านหลังและส่วนคนขับกั้นด้วยกระจกหนาป้องกันเสียงไม่ให้บทสนทนาเรื่องลับสุดยอดหลุดลอดไปเข้าหูใคร


ประตู  : หุ้มเกราะอย่างหนาถึง 8 นิ้ว มีน้ำหนักเท่ากับประตูเคบินของเครื่องบินโบอิ้ง 757


ห้องโดยสารด้านหลัง  : มีปุ่มสัญญาณภัยฉุกเฉิน เบาะขนาด 4 ที่นั่งหันหน้าเข้าหากันสองแถว เฉพาะเบาะคู่ของประธานาธิบดีเท่านั้นที่สามารถปรับได้จนถึงระดับนอนราบ กระจกห้องโดยสารของ The Beast  กว้างกว่ารถประจำตำแหน่งของประธานาธิบดีคันก่อนทุกคัน 


ที่นั่งประธานาธิบดี :  เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวก อาทิ คอมพิวเตอร์เดสท็อปแบบพับเก็บได้ แล็ปท็อป พร้อมอินเตอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูง มีโทรศัพท์เชื่อมต่อดาวเทียมให้ประธานาธิบดีสามารถโอนสายตรงไปยังรองประธานาธิบดีและกระทรวงกลาโหมได้ในเพียงเวลาไม่กี่อึดใจ


ถังเชื้อเพลิง  : หุ้มด้วยเกราะและชั้นโฟมพิเศษป้องกันการระเบิดแม้จะถูกโจมตีโดยตรง


ยางรถยนต์  :  ออกแบบให้มีแกนกลางช่วยประคองตัวเองเมื่อถูกยิงจนยางระเบิดหรือโดนตะปูเรือใบก็สามารถวิ่งต่อไป


อุปกรณ์ป้องกันตัว  :  มีทั้งกล้องมองภาพเวลากลางคืน ช็อทกัน ปืนยิงแก๊สน้ำตา และขวดเลือดสำรองสำหรับประธานาธิบดีหากมีเหตุฉุกเฉินจำเป็นต้องถ่ายเลือดด่วน  


Chassis : แผ่นเหล็กใต้ท้องรถหนาถึง 5 นิ้วป้องกันแรงระเบิดกรณีตกอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ถูกติดตั้งระเบิดไว้ใต้ท้องรถ  กระโปรงหลัง มีระบบช่วยชีวิต ถังออกซิเจนสำรอง และระบบดับเพลิงอัตโนมัติ !!!!!

 

 

 


...


สมรรถนะขนาดนี้ ใครคิดจะลอบสังหารด้วยการยิงถล่มเจ้าอสูรร้ายก็คงต้องเหนื่อยหน่อย


เพราะตัวถังหนาปึ้กด้วยเกราะกันกระสุนถึง 8 นิ้ว ว่ากันว่าแม้อุกกาบาตตกใส่หรือถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธร้ายแรงความเสียหายของตัวรถก็คงจะแค่เป็นรอยถลอกปอกเปิกเท่านั้นแหละ


ไม่เพียงอาวุธทำลายล้างรุนแรง แม้แต่อาวุธเคมีหรือชีวภาพก็ไม่อาจเล็ดลอดเข้าสู่ห้องโดยสารเพื่อทำอันตรายประธานาธิบดีสหรัฐฯได้แม้แต่เส้นขน เนื่องด้วยระบบปรับอากาศภายในรถแยกออกจากอากาศข้างนอกอย่างสิ้นเชิง


ที่พิเศษอีกอย่างคือเบาะที่นั่งด้านหลังและแผงประตูทั้งด้านนอกด้านในมีตราสัญลักษณ์ประธานาธิบดีสหรัฐฯโดดเด่น เหนือซุ้มล้อหน้าทั้งสองฝั่งติดตั้งธงชาติสหรัฐฯและธงตราสัญลักษณ์ประธานาธิบดีพร้อมหลอดไฟแอลอีดี เมื่อ The Beast แล่นไปธงจะปลิวไสวมองเห็นชัดเจนแม้ในยามค่ำคืน

 


แต่ไม่ว่าจะออกแบบมาให้แข็งแกร่งเพียงใดและได้ชื่อว่าเป็นรถยนต์ที่ปลอดภัยที่สุดในโลก เจ้าอสูรร้ายตัวนี้ก็เคยทำเสียหน้ามาแล้วครั้งหนึ่งในระหว่างที่ผู้นำสหรัฐและภริยาเดินทางเยือนสาธารณรัฐไอร์แลนด์เมื่อต้นปีนี้ เหตุเกิดขณะ The Beast น้ำหนักหลายตันถูกขับออกจากสถานทูตอเมริกาในกรุงดับลินเคลื่อนขึ้นทางลาดชันบนถนนแต่คานท้องรถใต้ตัวถังกลับติดชะงัก จนเจ้าหน้าที่ต้องช่วยกันเข็นสร้างความขบขันแก่ผู้ที่พบเห็นไปตามๆกัน อย่างไรก็ตามขณะเกิดเหตุประธานาธิบดีบารัค โอบามา และนางมิเชล ภริยาไม่ได้อยู่ในรถ

 

 


 เจ้าอสูรร้ายแห่งทำเนียบขาว เดินทางข้ามทวีปไปทุกหนทุกแห่งพร้อมกับประธานาธิบดีสหรัฐฯด้วยเครื่องบิน C-17 Globemaster III ของกองทัพอเมริกัน โดยตัวมันจะถูกขนส่งล่วงหน้ามาก่อนเพื่อเตรียมความพร้อมและทำความคุ้นเคยกับสภาพถนนพื้นผิวจราจรของพื้นที่ใช้งานจริง


จึงไม่แปลกเลยที่เจ้าหน้าที่ชุดคุ้มครองผู้นำสหรัฐฯหลายร้อยคน แบ่งเป็นชุดระวังหน้าระวังหลัง ชุดประสานงานตรวจระเบิด อาวุธเคมี เจ้าหน้าที่ข่าวกรองและสื่อสาร แห่กันเข้ามาฝังตัวในพื้นที่ก่อนกำหนดเยือนจริงหลายสัปดาห์ เพื่อตรวจสอบสถานที่พัก ที่ประชุม และเส้นทางที่โอบามาต้องผ่านฯลฯ


ดูในภาพข่าวมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้นตั้งแต่เครื่องบินแอร์ ฟอร์ซ วันลงจอดที่สนามบินดอนเมืองเลยทีเดียว เจ้าหน้าที่พิเศษพร้อมอาวุธและอุปกรณ์สื่อสารไฮเทคฯในสูทสีเข้มของฝ่ายสหรัฐฯล้วนแต่ตัวเบิ้มๆพร้อมจะเป็นโล่ห์กำบังกระสุนกระจายตัวอยู่เต็มไปหมด ขณะฝ่ายอาคารสถานที่ของไทยจัดสุนัขดมกลิ่นตรวจค้นอาวุธอย่างละเอียดละออ

 

 


เมื่อ The Beast ตั้งลำขบวนรถติดตามมากกว่า 30 คันก็พร้อมทะยานตามกันไป ระหว่างทางที่ขบวนเคลื่อนผ่านทีมงานสหรัฐฯจะมีชุดแม่นปืนพร้อมไรเฟิลซุ่มสังเกตุการณ์เป็นระยะ โดยเฉพาะบริเวณตึกสูงรอบทำเนียบรัฐบาลไทย


บรรยากาศเหมือนในหนังเป๊ะเลย


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1353654579&grpid=03&catid=02&subcatid=0200

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น