หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- อาทิตย์ที่ 18 มีนาคม 2555 02:51:03 น.
นายเฉลียว อยู่วิทยา ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องดื่มกระทิงแดง จำกัด ได้ถึง แก่อนิจกรรม อย่างสงบ ด้วยโรคชรา เมื่อวันที่ 17 มี.ค. ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สิริอายุรวม 89 ปี โดยครอบครัวอยู่วิทยาได้จัดพิธีสวดอภิธรรม ตั้งแต่วันที่ 17-24 มีนาคม 2555 ณ ฌาปนสถานกองทัพเรือ วัดเครือวัลย์วรวิหาร ศาลา 1วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี รายงานว่า เฉลียว อยู่วิทยา เป็นนักธุรกิจชาวไทย มีชื่อเพราะเป็นเจ้าของบริษัทเครื่องดื่มชูกำลัง กระทิงแดง มีบุตร 11 คน พ.ศ.2551 ได้รับ การจัดอันดับโดยนิตยสารฟอร์บส์ให้เป็นเศรษฐีอันดับ 260 ของโลก และอันดับ 1 ของไทยมีสินทรัพย์ประมาณ 4,000 ล้านดอลลาร์ โดยรวมมูลค่าของหุ้นส่วนอุตสาหกรรม ยา (T.C. Pharmaceuticals) และหุ้นส่วนโรงพยาบาล
เขามีชื่อจีนว่า "โกเหลียว" มีเชื้อสายจีนไหหลำ ปู่มาจากเมืองจีน ย่าเป็นคนไทย เป็นคนจังหวัดพิจิตรโดยกำเนิดเกิดในครอบครัว ยากจน มีอาชีพเลี้ยงเป็ด และค้าขายผลไม้
จากนั้น เข้ามาในกรุงเทพฯ ช่วยพี่ชาย ทำงานร้านขายยา เป็นเซลส์แมนขายยา "ออริโอมัยซิน" ของบริษัทเอฟ.อี.ซิลลิคฯแล้วลาออกมาเป็นตัวแทนนำเข้ายามาจำหน่ายเอง ต่อมา ตั้งโรงงานผสมยาอยู่หลังโรงแรมรัตนโกสินทร์ ราชดำเนินและตั้งบริษัท ทีซีมัยซิน ในช่วงแรก ผลิตแป้ง "แทตทู" ยาเด็ก "เบบี้ดอล" ก่อนจะมาถึงเครื่องดื่ม "กระทิงแดง" ด้วยการทำตลาดแบบถึงลูกถึงคน ทำให้กระทิงแดงตีตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง ขึ้นมาอยู่ในอันดับต้นๆ ของตลาดเขาสมรสกับนกเล็ก สดสี มีบุตร ด้วยกัน 5 คนต่อมา สมรสใหม่กับ ภาวนา หลั่งธารา ก่อนจะร่วม กันบุกเบิกเครื่องดื่มชูกำลัง กระทิงแดง ทั้งคู่มี บุตรด้วยกัน 6 คน ได้แก่ สุทธิรัตน์ อยู่วิทยา, จิราวัฒน์ อยู่วิทยา, ปนัดดา อยู่วิทยา, สุปรียา อยู่วิทยา, สราวุฒิ อยู่วิทยา และนุชรี อยู่วิทยา
ในปี พ.ศ. 2527 เขาขยายธุรกิจกระทิงแดงไปต่างประเทศ โดยลงทุนร่วมกับ ดีทริช เมเทสซิทซ์ (Dietrich Mateschitz) นักธุรกิจชาวออสเตรีย ก่อตั้งบริษัท Red Bull GmbH. ในประเทศออสเตรียเขาถือ หุ้น 49% และเฉลิม บุตร ถือหุ้นอีก 2% ผลิต และวางจำหน่ายกระทิงแดงในยุโรปภายใต้ยี่ห้อ "เรดบูล และส่งไปขายในกว่า 70 ประเทศ ทั่วโลก
ลำดับเศรษฐีของนายเฉลียว เป"นเศรษฐี ของโลกอันดับ 208 ในปี พ.ศ. 2553,เศรษฐีของโลกอันดับ 260 ในปี พ.ศ. 2551, เศรษฐีของประเทศไทยอันดับ 1 ในปี พ.ศ. 2551 เศรษฐีของโลกอันดับ 279 ในปี พ.ศ. 2550 เศรษฐีของประเทศไทยอันดับ 2 ในปี พ.ศ. 2550 เศรษฐีของโลกอันดับ 292 ในปี พ.ศ. 2548 เศรษฐีของประเทศไทยอันดับ 2 ในปี พ.ศ. 2548 เศรษฐีของโลกอันดับ 356 ในปี พ.ศ. 2547 เศรษฐีของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อันดับ 12 ในปี พ.ศ. 2547 เศรษฐีของโลกอันดับ 386 ในปี พ.ศ. 2546
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น