จี้ สตง.ไล่บี้เรียกเงินคืนจากส.ว.73 คนร่วม 100 ล้าน
"เรืองไกร" จี้ สตง.ไล่บี้เรียกคืนเงินจาก กก.สรรหาฯ และ ส.ว.73 คน คาดสูงร่วม 100 ล้าน หลังพบองค์ประชุมของคณะกรรมการสรรหา ส.ว. ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งอาจทำให้การเบิกจ่ายเบี้ยประชุม ไม่ชอบด้วย กม.ด้วย ...
วันที่ 22 มี.ค. นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา ในฐานะผู้ร้องขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพิกถอนสิทธิ์ ส.ว. 31 คน กล่าวว่า ได้ใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 62 ร้องขอให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบและเรียกเงินแผ่นดินคืนจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่ได้เบิกจ่ายเงินแผ่นดินไปในลักษณะที่อาจจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากมีประเด็นข้อเท็จจริงที่ต้องพิจารณาว่า การสรรหา ส.ว. ซึ่งตัวแทนจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกามอบหมาย คือนายมนตรี ศรีเอี่ยมสะอาด ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกาไม่ใช่ผู้พิพากษาศาลฎีกาตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 113 วรรคหนึ่งบัญญัติไว้ ที่บังคับไว้เฉพาะตำแหน่งผู้พิพากษาศาลฎีกาเท่านั้น และในรัฐธรรมนูญมาตรา 219 วรรคสี่ สามารถนำมาเปรียบเทียบให้เห็นได้ชัดว่า ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา ไม่ใช่ผู้พิพากษาศาลฎีกาแต่อย่างใด ดังนั้น องค์ประชุมของคณะกรรมการสรรหา ส.ว. จึงประกอบไปด้วยบุคคลที่ไม่มีคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญรวมอยู่ด้วย ย่อมทำให้ผลการสรรหาเป็นไปโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า จึงมีปัญหาที่ต้องพิจารณาว่า นอกจากผลของการกระทำอาจจะเป็นโมฆะเสียเปล่า แล้วการเบิกจ่ายเบี้ยประชุมของคณะกรรมการสรรหาทั้งคณะตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. มาตรา 132 ย่อมไม่ถูกต้อง และไม่ชอบตามไปด้วย จึงเป็นอำนาจหน้าที่ของผู้ว่า สตง. และ สตง. สมควรจะต้องเข้าไปตรวจสอบ เพื่อเรียกคืนเงินแผ่นดินจากกรณีดังกล่าวต่อไป รวมถึงควรเข้าไปตรวจสอบและเรียกคืนเงินประจำตำแหน่ง และเงินเพิ่ม เงินค่าเบี้ยประชุมกรรมาธิการ หรืออนุกรรมาธิการ และเงินค่าใช้จ่ายในการศึกษาดูงานที่ถูกเบิกจ่ายไปจาก ส.ว.ทั้ง 73 คน กลับมาเป็นเงินของแผ่นดินต่อไปโดยเร็ว ซึ่งน่าจะมีมูลค่าร่วม 100 ล้านบาท โดยคำนวณได้จากการปฏิบัติหน้าที่ของ ส.ว.ทั้ง 73 คน ที่ปฏิบัติหน้าที่มาเกือบ 1 ปี.
โดย: ทีมข่าวการเมือง
23 มีนาคม 2555, 03:40 น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น