วันอาทิตย์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Bangkok Dangerous ลูกเราและลูกเขา

Bangkok Dangerous ลูกเราและลูกเขา

วันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2553 เวลา 20:00:00 น.





โดย ขุนสำราญภักดี

ค่ำวันหนึ่ง  ลูกชายกลับบ้าน หน้าตาไม่ค่อยดี  บอกว่า วันนี้ ...โดนชกมา 
   

ความรู้สึกแรกคือ ตกใจ ! เพราะลูกชายไม่ใช่เด็กเกเร เป็นเด็กใฝ่เรียน และกำลังจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยในอีกไม่กี่วัน
    

ตั้งสติ ขอให้ลูกเล่าเรื่องราวว่า   มันเกิดอะไรขึ้น ?
    

วันซวยของลูกชาย เกิดขึ้นหลังจากเลิกเรียนพิเศษ จึงข้ามข้ามสะพานลอย จากฝั่งสยามสแควร์ไปยังฝั่งดิส คัฟเวอรี่  
     

เพื่อน 2 คนเดินนำไปข้างหน้า   ลูกชายสัมภาระเยอะ เพราะต้องแบกกระเป๋าใส่หนังสือเต็มหลัง
      

วัยรุ่น 3 คน ชาย 2 หญิง 1  เข้าประกบ กลางสะพานลอย  คนหนึ่งตะโกนสั่งว่า "ตามกูมา  ถ้าไม่อยากโดนชก"
      

เพื่อนก็อยู่ไกล  จะเรียกให้ช่วยก็ไม่ทัน และไม่รู้ว่า เพื่อนจะช่วยได้หรือเปล่า  และแต่ละคนก็ล้วนหุ่นผอมบาง  ประมาณว่า ถ้าลมพัดแรงก็น่าจะปลิว
      

ลูกชาย หยุดเดิน ไปทำตามคำสั่งของแก๊งวัยรุ่น  เพราะรู้ได้ล่วงหน้า ถ้าเดินตามไป  ถูกลอกคราบแน่ !
      

"อยากชก ชกเลย  ไม่ตามไปหรอก"   ลูกชาย  บอกแก๊ง 3 คน
      

แล้ว กำปั้น ก็อัดใส่ ท้องของเจ้าลูกชาย   ผลก็คือ เด็ก ม. 6 รูปร่างผอมสูง ทรุดลงไปกองกับพื้น
     

เพื่อนเหลียวมาเห็น ลูกชาย กองอยู่กับพื้น แก๊งวัยรุ่นเดินหนีไปแล้วไกลแล้ว
      

ฟังลูกเล่าแล้ว  จึงได้คิดว่า อะไรก็เกิดขึ้นได้   โชคดีที่ลูกแค่โดนชก  คนโชคร้ายกว่าเรา อาจโดนหนักกว่านี้
       

ชีวิตในกรุงเทพอันตราย  เสี่ยงภัยสูงมาก   ความซวยอาจวิ่งมาชนได้ทุกเสี้ยวนาที    ถ้าเดินหลบไม่ทัน
        

ทั้งๆ ที่  ลูกชาย ไม่ได้ใช้  ไอโฟน  ไม่เคยซื้อ แบล็คเบอรี่ ให้ลูกเล่น  โทรศัพท์มือถือก็แค่โนเกีย ราคาไม่กี่พันบาท   ทุกอย่างในตัวลูกชายเรียบง่ายและราคาถูก
       

"ช่างมันเถอะ คราวหน้าก็เดินให้เร็ว  เกาะกลุ่มกับเพื่อน อย่าเดินคนเดียว"  เป็นคำเตือนจากพ่อ
       

เหมือนกับที่เคยพร่ำเตือนลูกว่า เรียนให้เก่ง นะลูกรัก  จะได้ไม่เป็นภาระของครอบครัวและสังคม
       

... เราเป็นพลเมืองดีของสังคม  เสียภาษีเต็มเม็ดเต็มหน่วย  ไม่เคยละเมิดกฎหมาย  ทำงานหนักเลี้ยงชีพด้วยความซื่อสัตย์สุจริต 
        

เรารักเพื่อนบ้าน เรารักมนุษย์  มีจิตอาสา  อ่อนน้อมถ่อมตนเสมอมา   ไม่เคยมีปากเสียงกับสีไหน
        

แต่นี่คือ ผลตอบแทนของการเป็นพลเมืองดี  (มันน่าเจ็บช้ำน้ำใจ )
        

ตำรวจ หรือ  อย่าไปหวัง พึ่งของเขาเลย      เราเป็นคนตัวเล็ก ๆ  ไม่ได้สำคัญอะไร
        

ตำรวจ   ต้องไปเฝ้าร้านทอง ตำรวจทั้งโขยงต้องไปเฝ้านายกรัฐมนตรี  และบุคคลสำคัญ ๆ ของประเทศ
        

ตำรวจที่เหลือก็เป็นแค่ "จ่าเฉย "
        

เราแค่เอาชีวิตให้รอด  ในแต่ละวัน แล้วมาเจอกันที่บ้านในตอนพลบค่ำ
       

พรุ่งนี้ ใครบางคน อาจไม่ได้กลับบ้าน  เพราะความซวยวิ่งมาชน 
       

แล้ว เราจะไปบ่นกับใครได้
        

เพราะเราเป็นแค่ราษฎร์ !!!

 

ขุนสำราญภักดี

26 ธันวาคม 2553



                         http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1293360300&grpid=01&catid=no

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น